นักลงทุนหลายๆ ท่านที่เริ่มสนใจลงทุนในต่างประเทศ คงเกิดคำถามนี้ขึ้นมาในหัวบ้างไม่มากก็น้อยว่า ลงทุนต่างประเทศโดยตรง หรือ ลงในกองทุนรวมต่างประเทศ ดีกว่ากัน ก่อนจะตัดสินใจเราลองมาดูข้อดีข้อเสียเพื่อเปรียบเทียบกันครับ

การลงทุนโดยตรงนั้น นักลงทุนสามารถเลือกสินค้าได้หลากหลาย โดยเฉพาะกองทุน ETF ที่เป็นที่นิยมจากค่าธรรมเนียมที่ถูก อีกทั้งสามารถเลือกบริษัทที่จะลงทุนโดยเป็นบริษัทชั้นนำของโลกเองได้ แบ่งสัดส่วนที่อยากจะลงทุนตามใจตัวเองได้ และในกรณีของสินค้าประกันชีวิตนั้นก็มีค่าเบี้ยประกันที่ถูกกว่าในประเทศไทย แต่การลงทุนเองโดยตรงนั้นก็มีข้อจำกัดอยู่เช่นกัน นักลงทุนต้องมีเงินถึงตามจำนวนขั้นต่ำที่กำหนดในแต่ละประเภทของสินค้าการเงินที่จะลงทุน และค่าธรรมเนียมของธนาคารที่ต่างประเทศหากมีการทำธุระกรรมเกิดขึ้นจะสูงกว่าในไทยเนื่องด้วยค่าธรรมเนียมยิบย่อยที่ไม่มีในไทย เช่น ค่าธรรมเนียมนับเงินสด ค่าธรรมเนียมใช้เคาเตอร์ และ ค่าธรรมเนียมรักษาบัญชีเป็นต้น รวมถึงการลงทุนโดยตรงไปยังกองทุนในนามบุคคลธรรมดานั้นจะโดนค่าธรรมเนียมแพงกว่าลงกอง feeder fund ในไทยที่ใช้นามกองทุนในการต่อรองค่าธรรมเนียมได้ดีกว่ารายย่อย ยิ่งไปกว่านั้นการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนยังทำได้ค่อนข้างลำบากอีกด้วย ส่งผลให้การลงทุนอาจไม่เป็นไปดังที่หวังได้

การลงทุนผ่านกองทุนรวมไปซื้อกองทุนต่างประเทศนั้น มีผู้จัดการกองทุนดีกรี CFA ทำการบ้านมาให้ก่อนเสนอขายแล้ว ช่วยประหยัดเวลาในการศึกษาผลิตภัณฑ์การเงินต่างๆได้ แต่อย่างไรก็ดีอาจมีบางกองทุนที่ไม่เป็นดังคาด ผลการดำเนินงานไม่ดี นักลงทุนอาจต้องลองหาประวัติการทำงานของผู้จัดการกองทุนนั้นๆ เพิ่มเติมก่อนลงทุน จุดเด่นอีกจุดหนึ่งก็คือจำนวนเงินขั้นต่ำที่ใช้นั้นค่อนข้างน้อยกว่าการลงทุนโดยตรงด้วยตัวเอง จำนวนเงินหลักพันบาทก็สามารถลงทุนต่างประเทศได้แล้ว เหมาะกับผู้ลงทุนเริ่มต้น

แต่ไม่ว่าจะลงทุนแบบไหนการลงทุนต่างประเทศเป็นการกระจายความเสี่ยงที่ให้สินทรัพย์ในพอร์ตการลงทุนของเรากระจายไปยังที่อื่นทั่วโลกนอกจากประเทศไทย ไม่พึ่งกับประเทศใดประเทศหนึ่งมากเกินไป เวลาเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดจะไม่เสียหายหนักมาก และได้ผลตอบแทนที่สม่ำเสมอในระยะยาว

อ่านมาถึงส่วนนี้แล้วหวังว่าผู้ลงทุนจะสามารถเลือกรูปแบบการลงทุนในต่างประเทศที่เหมาะสมกับตัวเองได้แล้ว ขอให้ทุกท่านมีความสุขกับการลงทุนครับ

‍