หลาย ๆ ท่านคงคุ้นเคยกับ PE Ratio (Price Earning Ratio) หรือเคยได้ยินมาไม่มากก็น้อย PE Ratio คำนวณจากเอาราคาหุ้นตั้ง หารด้วยกำไรของหุ้น PE สูงคือแพง PE ต่ำคือถูก บางตำราเคยบอกว่า หุ้น PE 10 เท่าคือถูก แต่มันเป็นอย่างนั้นเสมอไปหรือไม่ เพราะบางครั้งหุ้น PE 30 กว่าเท่า ยังสามารถขึ้นต่อได้และยังยืนรักษาระดับราคาได้อย่างมั่นคงอีกด้วย สาเหตุที่เกิดสถานการณ์แบบนี้ขึ้นนั้นเพราะนักลงทุนต่างก็มีความคาดหวังจากกิจการนั้น ๆ ว่ามันจะดีในอนาคตและไปต่อได้ ทำให้ราคาได้ตอบสนองขึ้นไปก่อนกำไรที่จะเกิดขึ้นจริง ๆ
ดังนั้นจึงมีการคิด PEG Ratio ขึ้นมา เพื่อวิเคราะห์ความสัมพันธ์ของ PE Ratio กับ Growth ว่าเหมาะสมกันหรือไม่ PEG Ratio จึงนำเอา PE มาหารด้วย Growth หากมีค่ามากกว่า1แปลว่า PE สูงกว่า Growth อาจจะเป็นหุ้นที่แพง แต่ถ้าต่ำกว่า 1 อาจจะเป็นหุ้นถูก ซึ่งดูจากว่า PE หรือการเติบโตของกำไรอะไรจะมากกว่ากันนั่นเอง
หากเราใช้ PEG Ratio เราจะเข้าใจกลไกของหุ้นที่มี PE สูงแต่ยังสามารถขึ้นไปได้อีก เพราะนักลงทุนให้ Growth ของหุ้นนั้นสูงด้วยเช่นกัน ยกตัวอย่าง หุ้น ABCD มีราคาอยู่ที่ 30 บาท กำไรต่อหุ้น ณ ปีนี้คือ 1 บาท ลงทุนคาดว่าหุ้นตัวนี้น่าจะมีอัตราเติบโตของกำไรอยู่ที่ 35% (การเติบโตเฉลี่ยทบต้นเป็นเวลา 3 – 5 ปีข้างหน้าโดยไม่นำ one time gain or loss มาคิด)
หุ้นตัวนี้จะมี
PE Ratioที่ 30/1 = 30
แต่มี PEG Ratioที่ 30/35 = 0.86
วิเคราะห์ได้ว่าหุ้นตัวนี้มีโอกาสที่จะเติบโตได้ดี ถึงจะมี PE 30 เท่า แต่ราคานี้อาจจะไม่ได้แพงอย่างที่ PE Ratio สื่อ หากวิเคราะห์ด้วย PEG Ratio ที่มองว่า 0.86 นั้นเป็นหุ้นที่ราคายังถูกอยู่
ข้อควรระวังคือการใช้วิธีคิด PEG Ratio ควรจะใช้กับหุ้นที่เติบโตเร็ว(ควรจะมากกว่า10%) เพื่อความแม่นยำในการประเมินมูลค่า